เมื่อผมอายุปาเข้าไป 50 ปี แล้ว (ทำไมต้องรอให้ถึง 50 จึงมาเขียนก็ไม่รู้) ตอน 1







เมื่อผมอายุปาเข้าไป 50 ปี แล้ว  (ทำไมต้องรอให้ถึง  50 จึงมาเขียนก็ไม่รู้)    ตอน  1

วันเวลาที่ผ่านมาแล้ว เราได้ทำอะไร และ พลาดไม่ได้ทำอะไร มาหลายอย่าง แต่นั่นก็ผ่านมาแล้ว

แล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะทำอะไร มากกว่า....

ผมเตรียมตัวเกษียณอย่างคร่าวๆ ไว้ จะว่า Early retire  จากงานประจำ ก็ได้ คือ

สิ่งที่ผมวางแผนไว้ในจินตนาการ  และ  สังเคราะห์ออกมาเป็นแผน คือ

อย่างแรก ผมวางแผนจะทำธุรกิจเล็ก ๆ  เช่น  เริ่มจากขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด

อีกอย่างหนึ่ง แผนที่ 2 คือ  ไก่ทอด  กรอบ โอชา ทานกับข้าวเหนียวนุ่ม ร้อนๆ  ขายตามตลาดนัด หรือ  ย่านชุมชน

สิ่งที่ 3  ผมจะหาที่ดินผืนเล็กๆ ปลูกพืชผัก ผลไม้ ผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผมมองว่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ อันนี้ work ที่สุด

สิ่งที่ 4 อยากจะแชร์ ความรู้+ประสบการณ์ที่มีอยู่บ้าง  ให้อนุชน คนรุ่นหลัง นำเอาไปต่อยอด

********************

เริ่มจากธุรกิจหมายเลข 1  ขายเสื้อผ้า

ซึ่งผมได้มีโอกาสไปทำอยู่ช่วงหนึ่งเนื่องจากออฟฟิศมีปัญหาต้องออกจากงาน   ระหว่างตกงาน และรอหางานใหม่

พอดีพี่สาวขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดอยู่   ก็เลยเข้าไปลองทำดู

ตอนแรกสุด ขายเสื้อผ้า ผู้หญิงแนวแฟชั่น   ทั่วๆ ไปก่อน  เพราะต้องการเรียนรู้วิธีค้าขาย

เริ่มจากไปหาแหล่งซื้อเสื้อผ้าราคาขายส่ง ที่ตลาด Platinum  ตลาดประตูน้ำ   ตลาดโบ๊เบ๊ ก็มี    ถ้าซื้อ  3  ตัว  ก็เป็นราคาส่งแล้ว

อยางเราซื้อกางเกง  ราคาตัวละ 150 บาท  เราก็นำมาตั้งราคาขาย  200  บาท  บวกเพิ่มไป 50 บาท เป็นต้น

การลงทุน ซื้อพวกราวเหล็กแขวนโชว์เสื้อผ้า ประมาณ 3,000 บาท  ซื้อเสื้อผ้าไว้ขายรวมประมาณ 1 หมื่นบาท

แหล่งที่นำไปขาย จะเป็นตามตลาดนัด  ผมไปทั้งในหน่วยราชการ ก็มีที่  กระทรวงแรงงาน   หลังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งตามหน่วยราชการยอดขายดีกว่าตามบริษัท เอกชนเสียอีก 

นอกจากนั้นตามตึกสำนักงาน ออฟฟิศ ต่างๆ แหล่งของเหล่ามนุษย์เงินเดือน ก็มีอยู่มากมาย   ซึ่งมีตลาดนัดอยู่ใต้ตึก การซื้อขาย ระดับคึกคักเลย เช่น ตึกซันทาวเวอร์ส  ด้านหลังตึกทรูติดกับธนาคารอาคารสงเคราะห์   ตลาดรวมทรัพย์แถวตึกแกรมมี่  ตลาดตรงอาคารวรสมบัติ พระราม 9

จากการขายพบว่า ถ้ายอดขายได้วันละ  3 พันบาท  จะมีกำไรประมาณ  1 พันบาท  อันนี้ยังไม่หักค่าน้ำมันรถ

คร่าวๆ คือ กำไร ประมาณ 1 ใน 3   แต่ประเด็น คือ สินค้า เสื้อผ้าแฟ ชั่น  มีคู่แข่งมาก เต็มตลาดเลย  ใครๆ ก็ขายเสื้อผ้า  มีสินค้าที่เป็นคู่แข่ง เช่น   วันศุกร์ บรรดาแม่ค้ารองเท้าผู้หญิง จะแห่มาลดราคา  สาวๆ จึงแห่มาซื้อกันเต็ม คู่ละ แค่ 100 บาท หรือ 200 บาท เท่านั้น  เป็นผล

กระทบให้เราขายไม่ได้ เพราะลูกค้าสาวสาว แห่ไปซื้อรองเท้ากันหมด  และ บางที จำนวนคนมากมายก็มาบังหน้าร้านเรา ทำให้คนมองไม่เห็นร้านเรา  และ คนเห็นวุ่นวาย ก็เลี่ยงเดินหนี ไม่เข้าซอยนั้น  และ อีกอย่างพอลูกค้าซื้อของแล้ว เขาก็ไม่มีงบเหลือไปซื้ออย่างอื่นอีก หรือ ซื้อได้อีกนิดหน่อย  เป็นผลกระทบทางอ้อม

ยอดขายจึงไม่เสถียร   บางวัน  บางตลาด  ขายแทบไม่ได้เลย  เช่น  มีอยู่ครั้งหนึ่งลองไปขายที่อาคาร Ample  บางนา  เงียบมาก  คนเขาจะซื้อพวกของใช้ประจำวัน  เช่น แปรงสีพัน  ยาสีฟัน  สบู่  แชมพู  ที่เหมือนไปเอาจากโรงงานมาขายราคาถูก   มากกว่า

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า  การขายดี ไม่ได้ขึ้นกับสินค้าเราอย่างเดียว  มีปัจจัยอื่นหลายอย่างที่มีผลกระทบด้วย   เพียงแต่ว่าถ้าสินค้าเราดี ก็เป็นภูมิคุ้มกันความล้มเหลวได้ระดับหนึ่งแล้ว

                หาแหล่งขายได้จากที่ไหน ถ้าอยู่ใน กทม. ถ้าเป็นตลาดนัดกลางวัน  ส่วนใหญ่ก็เป็นย่านที่พนักงานออฟฟิศทำงานนั่นแหละ

 แถวสีลม – ตลาดละลายทรัพย์    สาทร – ตลาดหลังอาคารสาทรซิตี้ทาวเวอร์    พระราม 9- แถวอาคารวรสมบัติ

หรือ ย่านทำงานของข้าราชการ อันนี้ประมาทไม่ได้ บางทียอดขายดีกว่าย่านเอกชนอีก   อย่างแถวราชดำเนิน  กระทรวงเกษตร  กระทรวงคมนาคม 

                วิธีง่าย คือ search ใน google  จะมีคนลงไว้ในเวปพันทิบ   จะบอกชื่อผู้ติดต่อ พร้อมเบอร์โทร  ค่าเช่าล็อค วันละกี่ร้อย

แต่อาจต้อง update ข้อมูลบ้าง

            เมื่อได้แหล่งขายเป้าหมาย  ก็ต้องเตรียมตัวไปขาย

                บางแห่งต้องไปจับสลากล็อคก่อน  เช่นจับวันพุธ เพื่อไปขายวันศุกร์ เป็นต้น  

บางแห่งต้องจับล่วงหน้าเป็นเดือนเลย เช่น ตึกซัน   อันนี้ต้องหาข้อมูลล่วงหน้า  ไปขายสักเดือนหนึ่ง ก็รู้ลู่ทางแล้ว  บางทีก็ถามจากเพื่อนพ่อค้า แม่ค้านั่นแหละ  พี่ไปขายที่ไหนบ้าง  ขายดีไหม   ค่าเช่าล็อคแพงไหม

                การขายของตามตลาดนัดนี่ ผมสนับสนุนอยากให้หนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ไปลุยทำกันดู   เพราะเป็นแหล่งฝึกปรือ วิทยายุทธ์การขายได้ดีทีเดียว  อีกอย่างมีขนาดการลงทุน เหมาะกับมือใหม่  ไม่ต้องใช้ทุนมาก  ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก  ไม่ต้องใช้คนมาก   หากจะพลาดพลั้ง  ลองผิดลองถูกบ้าง   ก็เสียหาย  5 พัน หรือ หมื่นสองหมื่น  ไม่ได้มากมายจนถึงขั้นล้มละลาย   ยังมีลู่ทางจะฟื้นตัวได้เร็ว

            ธุรกิจในตลาดนัด ทุกวันนี้ไม่ใช่กระจอก  อย่างเช่น  ที่กำลังเป็นข่าวดัง  คือ ตลาดหัวมุม   ถ้ามีโอกาสหลงเข้าไป ผู้คนมากมาย อย่างกับมีงานมหกรรม  บรรดา อาหารการกินก็อร่อยเจ้าดัง ทั้งนั้น    ข่าวว่าเจ้าของตลาดสร้างรายได้ปีละเป็น 100 ล้านบาท   สมมุติฐานว่าผู้ค้าในตลาดก็ต้องขายได้ พออยู่ได้ 

                ผมได้มีโอกาสไปขายเสื้อผ้าอยู่หลายเดือนทีเดียว  ตอนหลังได้งานใหม่  เลยหยุดขายไป  ยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าจริงๆ แม้จะไม่ได้กำไรเป็นตัวเงินมากมายนัก

                ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากการขายแบบรากหญ้า + street shop  ที่วิชา MBA กรณีศึกษาทางธุรกิจ  ที่เรียนในมหาวิทยาลัยไม่มีสอน.  ตอนต่อไปมีเกร็ด ที่สนใจ มากมาย เรื่อง ฮาฮา ก็มี จะนำมาเล่าสู่ฟัง.

                สำหรับวันที่ แค่นี้ก่อน 

                โอกาสหน้า มาเม้าท์กันต่อครับ.   สวัสดีครับ.        Created by Misteruniversal.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mismatching fund ปัญหาที่ SMEs ควรหลีกเลี่ยง

SME : EDUCATION ข้อสอบเข้า ป.1 สาธิตราม

ACCOUNT RECEIVABLE