SME TRAVEL : ความฮิตของ ตู้ขายของอัตโนมัติที่ญี่ปุ่น
ได้มีโอกาสมาพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่น OSAKA, KYOTO, NARA แนวความคิดที่อยากจะนำมาฝากท่านผู้อ่าน ตลอดจนท่านผู้ประกอบการ SME ก็คือ
ตู้ขายสินค้าและ บริหาร อัตโนมัติ Auto Vending Machine
ท่านผู้อ่านคงทราบดีว่า ประเทศญี่ปุ่น คือ เจ้าแห่งตู้ขายของอัติโนมัติ
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเวลามาเที่ยวที่ญี่ปุ่นก็คือ
ความสะดวกสบาย ในการหาของกิน
กองทัพย่อมเดินด้วยท้อง
ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด
พอรู้สึกเหนื่อยหิวน้ำ
มองไปที่สี่แยก หรือตามหน้าร้านค้า ก็จะมีตู้ขายเครื่องดื่มต่างๆ ทั้ง
น้ำเปล่า ราคาประมาณ 50 – 130 เยน
ถ้าเป็นเซเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท หรือ ลอว์สัน ราคาราว 130 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40 บาท ไอ้ที่น้ำดื่มราคาขวดละ 10 บาท อย่างเมื่อไทย
ไม่มีทาง เพราะค่าครองชีพเมื่องเขาสูงกว่าเรา
นอกจากนั้นก็มีน้ำสารพัด โค้ก นี่ยอดฮิตเลย มี โค้ก ที่เป็น energy drink เวลาลูกจะไปกดไอ้ตัวนี้ ต้องคอยห้ามว่า ไม่ได้ ให้ไปกดอีกตัว
ที่เขียนว่า original coke นอกจากนั้นเครื่องดื่มอีกชนิดที่ผมโปรดปรานมาก ให้ทาย....
มันคือ.......กาแฟ
ที่นี้หากินได้ง่ายมาก ถ้าไม่คาดหวังว่าต้องเป็นกาแฟสดที่ชงจากเครื่องชงแบบ
Amazon บ้านเรา
จะเป็นกาแฟกระป๋อง
คล้ายเบอร์ดี้ของเรา กับ กาแฟขวดเล็กๆ มีทั้ง กาแฟดำ , Espresso Late
ที่พบบ่อย คือ
ยี่ห้อ Gorgia รสชาดใช้ได้ทีเดียว
พอเดินเที่ยวมาทั้งวันตอนเย็นหลังทานข้าว
ลูกชวนไปออนเซ็นซะหน่อย เดินไปใกล้ๆ จากโรงแรม FP
เลยห้างดงกิ (เพนกวินสีนำเงิน) ไปนิดหนึ่ง
เป็น spa World ข้างบนเป็นโรงแรม เฉพาะออนเซ็น เซาน่า เปิดบริการ
6 ชั้น (ชั้น 7-8 เขาไม่เปิด)
พอเดินผ่านประตูเข้าไป
ก็เจอตู้ขายตั๋วอีกแล้ว (อย่างที่บอก ที่นี่ จะซื้ออะไรที ต้องซื้อกับตู้ขาย
พยายามใช้คนให้น้อย) จะมีปุ่มให้เลือก ถ้าเด็ก
1,000 เยน
ผู้ใหญ่ 1,200 เยน
คิดเป็นเงินไทยก็ราว 400 บาท
ถ้าตามสูตรจริงๆ
เขาให้เอา 0.3 คูณ ราคาเงินเยน ก็จะได้ราคาเงินไทยออกมา แต่ผมชอบเอา
3 หาร ราคาเงินเยนมากกว่า (ตามจริง
rate ณ วันนี้อยู่ที่
0.2845 ถ้ากดเครื่องคิดเลย
ต้องเอาตัวเลขนี้คูณ ราคาเงินเยน ผลลัพธ์ ออกมาก็คือ
ราคาเงินบาท ง่ายไหม)
จะบอกว่าเนื่องจากเรามือใหม่
ก็สร้างความสับสนเล็กน้อยกับไอ้เจ้าตู้กด ตอนเข้าไม่เท่าไร ไปตกม้าตายตอนจะออก แล้วจะเล่าให้ฟังตอนหลัง
ถ้าเล่ามาอย่างสนุกสนานนี่
(ไม่รู้คนอ่านสนุกไปด้วยหรือเปล่า) ก็คือ
มาคิดเล่นๆ ว่าทำไมคนญี่ปุ่น เป็นพวกหลีกหนีสังคมขนาดนั้นเลยหรือ
จึงไม่อยากเสวนากับผู้คนแล้วเหรอ จึงใช้ตู้อัตโนมัติแทนคนขาย
เออ ...
น่าจะไม่อาการหนักขนาดนั้น
เข้าใจว่าเป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจและประชากรศาสตร์
เออ..
แล้วคนไทยเราจะนำแนวคิดนี้มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์อย่างไร
ผมกลับมาเมืองไทย
วันแรกก็ยังคิดไม่ออก พอมาวันที่สอง
มานั่งพิมพ์บทความนี้มาฝากท่านผู้อ่าน ก็เลยคิดออกเลยว่า
เราน่าจะนำมาประยุกต์ใช้อย่างไร
เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ให้กับไลฟ์สไตล์ของคนไทยยุดดิจิตัล
โดยต้องให้เกิดความประหยัด และ ต้องคิดต่อไปว่า จากการใช้เครื่องแทนคน เราจะนำคนที่เหลือไปทำอะไร.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น