วิธีการดูลักษณะลูกค้า และ บุคลิกคน ก่อนทำธุรกิจด้วย
วิธีการดูลักษณะลูกค้า และ บุคลิกคน ก่อนทำธุรกิจด้วย
บทเรียนที่บางครั้งต้องซื้ออย่างแพง ในการแสวงหาลูกค้ารายใหม่ หรือ
ทำธุรกรรมกับลูกค้ารายเก่า
สิ่งที่ต้องระวังก่อนทำการค้าขาย หรือ ร่วมลงทุน หรือ ปล่อยกู้ให้ใครก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ญาติ หรือ เพื่อน สนิท หรือ ไม่สนิท
ประสบการณ์ที่ผู้เขียนพบจากการลูกค้าหลายราย ในหลายสิบปีที่ผ่านมา
1.อย่างแรกตรวจสอบธุรกิจก่อนว่าบริษัท หรือ บุคคลนั้น มีการค้าขายจริงตามนั้น
เข้าไปเปิดดูงบการเงินในเวป กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่ถ้าเป็นบุคคลจะหาข้อมูลยากหน่อย
หนังสือรับรองบริษัท
เช็คที่กระทรวงพาณิชย์ว่าจริงไหม
ชื่อบุคคล บริษัท key เช็คที่เวป กรมบังคับคดี ว่าล้มละลายไหม
เข้าไปดูสถานที่ตั้งใน google map หรือ จ้าง messenger ให้ไปถ่ายรูปสถานประกอบการ เอามาดู หรือ ขับรถไปดูเองว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด โรงงานเนื้อที่ประมาณกี่ไร่ มีพนักงานมากไหม มีคนงานฝ่ายผลิตกี่คน ฝ่ายสำนักงานกี่คน สังเกตจากรถที่จอดอยู่ ถ้าเป็นคนงาน
ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ สังเกตการเข้า - ออก รถบันทุกขนส่ง
2.บริษัทมีการส่งงบการเงินเป็นปกติทุกปีใหม่ หากพบว่าไม่ส่งงบการเงิน มีเป็นบริษัทที่มีปัญหา เช่น ค้างภาษีสรรพากร
ค้างเงินสมทบประกันสังคม
พวกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะถูกหน่วยราชการเข้าอายัดบัญชีธนาคาร ควรหลีกให้ไกล อย่าไปค้าขายด้วย
หมายเหตุ ตัวเลขพวกนี้ ค้างภาษีสรรพากร ค้างเงินสมทบประกันสังคม ผู้สอบบัญชีบางคนจะหมายเหตุไว้ในท้ายงบการเงิน
แต่ถ้าเราจะไปขอคัดสำเนาที่กระทรวงพาณิชย์อาจจะยาก เพราะเจ้าหน้าที่ต้องถามว่า คุณเป็นสถาบันการเงิน หรือเป็นผู้มีส่วนใด้เสียในบริษัทไหม ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวข้องเขาจะไม่อนุญาตให้คัดสำเนา
นอกจากนั้น
ในสรุปงบการเงินในจะเห็นว่าบริษัทมีผลประกอบการอย่างไร เช่น
ขาดทุนสุทธิ หรือ ขาดทุนสะสม ก็ต้องระมัดระวัง หรือ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
สูงมาก
มีภาระจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้และจ่ายเงินต้นสูง ก็จะมีความเสี่ยงทางการเงินสูง หากผลประกอบการชะลอตัวอาจถูกธนาคาร หรือ
เจ้าหนี้การค้า ทวงหนี้ หรือ ฟ้องร้องได้ จนถึงบังคับจำนอง
ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด
แต่บางครั้งข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตไม่พอต้องหาข้อมูลเชิงลึก ประมาณ insider
3.โครงสร้างกรรมการ ผู้ถือหุ้นต้องชัดเจน ต้องเป็นตัวจริง ถ้าเป็น nominee
ต้องระมัดระวัง
เช่น เจ้าของเป็นคนต่างชาติ แต่ให้คนไทยออกหน้าเป็นกรรมการบริษัท
เป็นต้น
Search ว่าบ้าน หรือ ที่พัก ที่แท้จริงอยู่ที่ไหน บางคนใช้ที่อยู่บริษัทมาออกหน้า เพื่อปิดบังที่พักจริง ไว้หลบหน้า หรือ หนีหนี้
4.Character ส่วนตัว
เรื่องนี้ในปัจจุบันผมให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ในยุคนี้เข้าไป search ใน โซเชียล
ประกอบด้วย เช่น facebook ว่าไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร ใช้ชีวิตหรูหราไหม เที่ยวต่างประเทศบ่อยไหม ขับรถหรูไหม
เช่น ค้าขายกันอยู่ แต่บอกว่าขอชำระเครดิตเทอมช้าออกไป เพราะสภาพคล่องตึงตัว ยังไม่ได้รับชำระจากลูกค้าของเขา แต่พอไปส่องใน โซเชี่ยล
พบว่ามีการออกรถใหม่ป้ายแดง ราคาแพง เป็นต้น
อย่างนี้ใช้ตรวจสอบความขัดแย้งของข้อมูลจริงกับสิ่งที่เขาบอกมาได้
การดูโหงวเฮ้ง
อันนี้เราก็ไม่ได้มีความรู้ขนาดอาจารย์ฮวงจุ้ย หรือ ซินแส ก็แค่
ดูเบื้องต้นพอเป็นแนวทาง
เช่น ผมจะดูการพูดจา
สบตาคนไหม จับโกหกเจอไหม บางคนพูดคล่อง
ข้อมูลแน่น ต้องจับพิรุธ เช่น
ข้อมูลที่พูดแต่ละครั้งไม่ตรงกัน
เช่น เมื่อวานบอกว่า 3
ล้าน วันนี้บอกว่า 10
ล้าน อันนี้ไม่ใช่แล้ว บางทีโม้ไปเรื่อย ให้จับตา สังเกตตัวเลขต่างๆ รวมทั้ง เรื่องวัน เวลา
จะไม่สอดคล้องกัน ถ้าเป็นความจริงจะไม่เพี้ยนขนาดนี้
พูดคล่องเกินไป ต้องระวัง
คุณจะจำได้ทุกอย่างเลยเหรอ
พูดข้อมูลได้หมด
จำนวนเงินเท่านี้ จะได้ในวันที่เท่านี้ คล่องเพราะเป็นข้อมูลสร้างขึ้นมาหรือเปล่า
การพูดจา หากดูพยายามเอาเปรียบเราตลอด หรือ แสดงอารมณ์หงุดหงิด อารมณ์โกรธ พยายามข่มแสดงอำนาจว่าเหนือกว่า อันนี้ขอให้ระมัดระวังอย่างสูง แสดงว่าเขาต้องพยายามข่มให้เราเกรงใจ กลัวเสียลูกค้า เพื่อจะปิดบังอะไรบางอย่าง
ที่เขาอาจกระทำในอนาคต เช่น เพื่อที่เราจะผ่อนผันเงื่อนไข
หลักเกณฑ์การซื้อขาย การชำระเงิน อะไรบางอย่าง
ที่อาจจะเปิดเป็นจุดอ่อนให้เขาโกงได้
ด้วยความเกรงใจ
5.การขอข้อมูลจากเรามักไม่ให้ความร่วมมือ ต้องระวัง ว่ามีความลับ หรือ
หนี้สินอะไรปิดบังอยู่ เช่น บางคนมีหนี้สินมาก หรือ ถูกธนาคารดำเนินคดีอยู่ ก็จะปิดบังว่าทำธุรกรรมอะไร ใช้สินเชื่อกับธนาคารอยู่ เพื่อไม่ให้ใครรู้ เพราะคู่ค้าก็จะไม่เชื่อถือในเครดิต
เพราะเกรงว่าจะถูกธนาคารฟ้อง ยึดทรัพย์ไปหมด
ถ้าจะขายสินค้า หรือ ให้กู้ยืมเงิน ก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียไปหมด
6.เอกสารสัญญาซื้อขาย
อินวอยซ์ ใบส่งของ ต่างๆ ต้องชัดเจน ต้องระวังเอกสารปลอม พวกนี้ทำปลอมได้ง่ายๆ ระบบการพิมพ์
การตัดต่อเอกสาร
ทุกวันนี้ทำได้หมดง่ายๆ
อย่าเชื่อแต่คำพูดต้องเช็คสอบ
ใช้คำว่า cross check คือ เช็คจากหลายแหล่ง ให้แน่ใจว่าข้อมูลตรงกัน ต้องโทร หรือ หาคนภายในเข้าไปถาม เช่น
ใบสั่งซื้อจากบริษัท ก. เป็นของจริงไหม
ต้องหาทางเข้าไปสืบภายในบริษัทนั้น
กรณีศึกษา คือ
เทคนิคของมิจฉาชีพ
จะไม่ลงมือปลอมในธุรกรรมแรกที่ติดต่อกัน
เช่น ตอนแรก 2 หมื่นก่อน จะจ่ายตรง ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง หลอกให้คู่ค้าตายใจ พอครั้งที่ 2 หรือ 3 ถัดไป เมื่อคู่ค้าไว้ใจ
ก็จะลงมือเชือด เช่น ปลอม 2 แสน หรือ 2 ล้านเลยคราวนี้ พอได้รับของไป ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ไม่รู้จะไปตามที่ไหน
เพราะฉะนั้น ต้องเน้นตรวจสอบในทุกครั้ง อย่าไว้ใจ เพราะเห็นจำนวนเงินไม่มาก หรือ เคยติดต่อกันมาแล้ว ถ้าไม่ใช่รู้จักกันมา 5 ปี 10 ปี
ขอให้โชคดี ได้พบแต่ลูกค้าดีๆ ครับ.
Created by Mister Universal.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น