ความรู้การเงิน LEVERAGED BUYOUT Versus Covid - 19



            เช้านี้ได้จิบคาปุชชิโน่ ร้อนๆ หอมกรุ่น กาแฟอาราบิก้า ก็ปลุกให้จิตใจสดชื่นแต่เช้าเลย    หยิบมือถือมากด update ข่าวเช้า  
เลยนั่งเขียนเรื่องได้ 1 เรื่อง ดังนี้

ระหว่างที่อ่านข่าว ได้พบว่ามีหลายบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ที่กู้ยืมมาก  สมองอีกซีกหนึ่ง ก็ได้นึกย้อนเข้าไปในห้วงความคิด คำว่า  LEVERAGED BUYOUT ปรากฏว่ายังนึกออกอยู่ (แสดงว่ายังไม่แก่เกินไป)  เรื่องเก่าที่เคยผ่านสมองจึง ได้ผุดขึ้นมา  จำได้ว่าได้เคยร่ำเรียนในเรื่องนี้ กับอาจารย์ท่านหนึ่งเมื่อ  10  กว่าปีที่มาแล้ว
ติ๊ก ตอก  ติ๊ก ตอก........
ด้วยความรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม  ขออนุญาตเฉลยเสียเลยว่า LEVERAGED BUYOUT     หมายถึง การเข้าไปลงทุน หรือ กรณีนี้คือ Take over กิจการ  โดยใช้แหล่งที่มาของเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินกู้
การกู้เงินมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทนั้น ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องที่สะดวกจะดำเนินตามนโยบายที่วางแผนไว้  จะแจกแจงว่านำไปใช้ในกิจกรรมดำเนินงาน , กิจกรรมลงทุน, กิจกรรมจัดหาเงิน (ยกตัวอย่างเช่น นำไปชำระคืนหนี้เดิม) ก็ว่ากันไป
แต่ในอีกทางหนึ่งก็ทำให้ความเสี่ยงทางการเงินของกิจการเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หนึ่งในความเสี่ยงนั้นคือ ความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย  เช่น  ผลประกอบการมีการขาดทุนจำนวนมาก
ในขณะที่ต้องจ่ายภาระต้นทุนทางการเงินที่สูง  จากเงินที่กู้มาจากธนาคารและแหล่งอื่นๆ  โดยดูได้จากอัตราส่วน  Debt to Equity Ratio  , ต้นทุนทางการเงิน ในงบการเงิน  และ รายงานผลประกอบการที่ทางบริษัทได้เผยแพร่ในเวปไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ประกอบกับในห้วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักในยุค Covid – 19 นี้           ความเสี่ยงที่อาจจะไม่สามารถชำระคืนหนี้เงินกู้ได้ ก็จะยิ่งสูงขึ้น  จึงคาดว่าภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก จาก  Covid – 19 ในปี  2563 นี้  น่าจะเป็นตัวเร่งให้ทางหลายธุรกิจต้องตัดสินใจยื่นเข้าฟื้นฟูกิจการในที่สุด

จากการติดตามข่าวสาร  บวกกับความรู้ดั้งเดิม ก็เลยประมวลผลสรุปออกมาเป็นข้อคิดสำหรับนักลงทุนรายย่อย ดังนี้  ครับ :
กฎข้อที่ 1  Don’t overborrowing
อย่ากู้มากเกินไป  ถ้าให้ดี  Debt to Equity Ratio อย่าให้เกิน  1  เท่า
กฎข้อที่ 2  Exit Strategy
ถ้าลงทุนเรื่องใดไม่สำเร็จ ให้รีบถอนตัว โดยเสียหายให้น้อยที่สุด
กฎข้อที่ 3  Story of stock
ต้องมองให้ออกว่า Story ของหุ้นตัวนี้มีความเป็นมาอย่างไร และ คาดว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด
กฎข้อที่ 4  Winner  or Loser
ถ้ามอง  Story  ของหุ้นออก  คุณจะเป็น Winner
ในทางตรงกันข้าม  ถ้ามองไม่ออก คุณจะเป็น Loser      
                                                    

By  Mister Universal 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mismatching fund ปัญหาที่ SMEs ควรหลีกเลี่ยง

SME : EDUCATION ข้อสอบเข้า ป.1 สาธิตราม

ทำไม Factoring ในประเทศไทย จึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ?